หลายคนคิดว่ากรวยจราจรทุกตัวเหมือนกัน แค่สีส้มมีแถบสะท้อนแสง แต่จริง ๆ แล้ว “วัสดุ” คือหัวใจหลักที่ทำให้กรวิวบางตัวอยู่ได้แค่ 3–6 เดือน แต่บางตัวทนแดดทนฝนได้นานเป็น 10 ปี! วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบวัสดุยอดนิยม 3 ตัวหลักที่ใช้ผลิตกรวยจราจรในไทยกันแบบเข้าใจง่าย ๆ

1. PVC (โพลีไวนิลคลอไรด์) – ราชาราคาประหยัด

จุดเด่น

• ราคาถูกที่สุด (ตัวละ 150–350 บาท

• น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย

• สีสดใส ไม่ซีดง่ายในช่วงแรก

ข้อเสีย

• แตกหักง่ายมากเมื่อโดนรถเหยียบหรือโดนแดดจัดนาน ๆ (อายุเฉลี่ยอยู่ได้ 6–18 เดือน)

• ฐานบาง ล้มง่ายเมื่อมีลมแรง

เหมาะกับใคร?
งานชั่วคราว งานอีเวนต์ งานวิ่งมาราธอน หรืองานที่ใช้ไม่เกิน 1–2 เดือนแล้วเก็บ

2. PE หรือ HDPE (โพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง) – ตัวกลางที่คุ้มที่สุด

จุดเด่น

• เหนียวกว่า PVC มาก ไม่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อโดนถเหยียบ (แค่บุบแล้วเด้งกลับคืน)

• ทนแดด ทน UV ได้ดีมาก (อยู่ได้ 3–7 ปี)

• น้ำหนักกำลังดี ไม่เบาจนล้มง่าย ไม่หนักจนยกไม่ไหว

ข้อเสีย

• ราคาสูงกว่า PVC ประมาณ 30–50%

เหมาะกับใคร?
หน่วยงานราชการ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมาถนน ที่ต้องการใช้ยาว ๆ แต่ไม่อยากจ่ายแพงเกินไป ตัวนี้ขายดีที่สุดในไทยตอนนี้!

3. ยางธรรมชาติ หรือ ยางรีไซเคิล – ตัวท็อปเรื่องความอึด

จุดเด่น

• หนักและมั่นคงสุด ๆ ฐานกว้างหนา ลมแรงแค่ไหนก็ไม่ล้มยาก

• โดนรถเหยียบแล้วไม่แตก ไม่บุบ แบนราบแล้วเด้งกลับเหมือนเดิม

• อายุการใช้งานยาวสุด 7–15 ปี

• ทนสารเคมี น้ำมันเครื่อง กรดด่างต่าง ๆ

ข้อเสีย

• ราคาแพงสุด (ตัวละ 600–1,500 บาท)

• หนักมาก (10–25 กก./ตัว) ต้องใช้แรงงานยก

เหมาะกับใคร?
ทางด่วน มอเตอร์เวย์ สนามบิน ไซต์งานก่อสร้างใหญ่ ๆ ที่ต้องการความมั่นคงสูงสุด

เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ

เคล็ดลับเลือกซื้อแบบไม่เสียใจ

1. ใช้ในร่มหรืองานสั้น ๆ → PVC พอ

2. ใช้กลางแจ้งเป็นประจำ → เลือก PE เกรดดี (ดูว่าเป็น Virgin PE ไม่ใช่รีไซเคิลผสมเยอะ)

3. ใช้ในทางด่วนหรือที่รถใหญ่ผ่านบ่อย ๆ → ยางล้วน ๆ เท่านั้นถึงจะคุ้ม

กรวยจราจรดี ๆ 1 ตัว อาจแพงกว่าของถูก 2–3 เท่า แต่ถ้าคิดเรื่องอายุการใช้งานและความปลอดภัยแล้ว ถูกกว่าหลายเท่าเลยครับ

เลือกวัสดุให้ถูกกับงาน = ประหยัดเงิน + ประหยัดชีวิต!

#กรวยจราจร #วัสดุกรวยจราจร #กรวยPVC #กรวยPE #กรวยยาง #ความทนทาน #สินค้าจราจร #ความปลอดภัยทางถนน #เลือกกรวยจราจร #งานก่อสร้าง